วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551

สวัสดีปีใหม่นะคะ

ผ่านไปก็เร้วเร็วเนอะ หนึ่งปีนี่
ยังไงก็เถอะ
สุขสันต์ปีหนูทองนะคะเพื่อนๆ
หนูบุกโลกแร้ว 555+
เพราะฉะนั้น การฉลองปีใหม่ที่ดีก็คือ
ไปดูพิพิธภัณฑ์หนูยุคเก่านั่นเอง
อิอิ ก็ไม่ใช่อะไรมากหรอกค่ะ
จะมาแนะนำที่เที่ยวซักหน่อย
ไดโนเสาร์คงเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่พวกเราๆ ไม่เคยเห็น
(ก็จริงแหละ ใครเห็นก็เว่อร์ไปแล้ว มันสูญพันธ์ไปหลายล้านปีไปแล้วนี่นา)
ก็เลยจะพาไปเห็นกันเลยจริงๆ ที่กาฬสินธุ์น่ะค่ะ
พิพิธภัณฑ์สิรินธร อำเภอ สหัสขันธ์
เป็นแหล่งไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เค้าทำดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยนะ
ไว้ว่างๆ จะเอารูปขึ้นมาให้ดูค่ะ
สุดท้ายก็....
HJF HAPPY NEW YEAR 2008 QRE
l6--สุขสันต์วันปีใหม่ 2551- -6l
ขอส่งความสุขให้ทุกท่าน และขอบคุณที่มาเยี่ยมชมบล็อกข้าน้อยค้าบบบ...

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ความมหัศจรรย์ของสายรุ้ง

-R-A-I-N-...-B-O-W-


A rainbow is an optical and meteorological phenomenon that causes a nearly continuous spectrum of light to appear in the sky when the Sun shines onto droplets of moisture in the Earth's atmosphere. It takes the form of a multicoloured arc, with red on the outside and violet on the inside. Even though a rainbow spans a continuous spectrum of colours, traditionally the full sequence of colours is most commonly cited as red, orange, yellow, green, blue, indigo, and violet. It is commonly thought that indigo was included due to the different religious connotations of the numbers six and seven at the time of Isaac Newton's work on light, despite its lack of scientific significance and the poor ability of humans to distinguish colours in the blue portion of the visual spectrum.


I like you as a rainbow.
คุณเหมือนสายรุ้งในใจของผ
A "Sunlight" said to a "Rain Drop" one day.
Really?
จริงหรือคะ?
I'm glad to be your rainbow.
ฉันดีใจนะคะ ที่ได้เป็นสายรุ้งในใจคุณ
She replied.
สายรุ้ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันแสนสวยงาม ที่หลายๆ คนชื่นชม
เคยรู้บ้างไหมว่ามันมาจากไหน
ตราบใดที่ยังมีละอองน้ำ ย่อมมีสายรุ้ง
ตราบใดที่มีแสงอาทิตย์ ย่อมมีสายรุ้ง
แต่ถ้าวันใดสิ้นแสงไป ละอองน้ำก็คงไม่มีความหมาย
เฉกเช่นเดียวกัน แสงอาทิตย์ต้องการละอองน้ำ เพื่อแต่งเติมสีสันให้กับชีวิต
แสงอาทิตย์ และ ละอองน้ำ จะอยู่ด้วยกัน ... ตลอดไป

นิทานสายรุ้ง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ท้องฟ้ายังไม่มีกลางคืน คงมีแต่แสงอาทิตย์ ที่ส่องประกายรัศมีเจิดจำรัศ
"โอ๊ย ร้อนๆๆๆๆๆๆ จะหยุดฉายแสงจ้าซักทีไม่ได้หรือคุณแสงอาทิตย์"
เหล่าสรรพสัตว์โอดครวญ
"ไม่ได้หรอก หน้าที่ของข้า ก็คือปล่อยแสง ถ้าไม่มีข้า พวกเจ้าก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน อย่าทำมาเป็นบ่นเลย"
แล้วแสงอาทิตย์ก็สว่างและร้อนแรงขึ้นอีก
เปรียบประดุจดังจิตใจของเขา ที่ร้อนระอุอยู่ภายใน
ไม่เคยมีใครเข้าใจชีวิตของแสงอาทิตย์บ้างเลย
ทุกคนต่างบอกว่าแสงอาทิตย์ทำให้พวกเขาร้อน และพวกเขาก็ไม่อยากยุ่งด้วยนานนัก
แสงอาทิตย์ต้องทนทุกข์ทรมานมานาน
จนกระทั่งวันหนึ่ง...
"วือดๆๆๆ วือดๆๆๆ"
เสียงสายลม พัดพาละอองน้ำมาจากแดนไกล
"สวัสดีครับ"
แสงอาทิตย์ทั้กขึ้น พร้อมกับเบ่งรัศมีตัวเองออกมาอีก
(เขาทำเช่นนี้ทุกทีที่อยากรู้จักเพื่อนใหม่)
"ละอองน้ำ ฉันจะพาเธอไปที่อื่นนะจ๊ะ อย่าอยู่ใกล้แสงอาทิตย์เลย ร้อนก็ร้อน"
สายลมบอกกับละอองน้ำ
"อืม... ไม่ต้องหรอกจ๊ะ พี่สายลม ให้ฉันอยู่ตรงนี้แหละ
ได้ยินกิตติศัทพ์เลื่องลือมานาน ว่าคุณแสงอาทิตย์ ทั้งเก่ง ทั้งเป็นประโยชน์
ยังไม่เคยรู้จักเลย"
ละอองน้ำกล่าว
"ไม่ได้ๆๆๆๆ" สายลมพูด
"ถ้าฉันปล่อยให้เธออยู่ตรงนี้ เธอต้องระเหยเป็นจุนแน่เลย"
แสงอาทิตย์ที่กำลังแอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่ได้ยินดังนั้น
ก็ดีใจที่ตนจะมีเพื่อน
แต่ด้วยความที่เป็นคนดี ไม่ต้องการทำร้ายใคร
แสงแดดจงหลบไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของฟากฟ้า
สายลมเห็นเช่นนั้น คิดว่า ละอองน้ำคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เลยปล่อยละอองน้ำไว้ แล้วพัดจากไป
ละอองน้ำเองพยายามจะเข้าไปทำความรู้จักกับแสงอาทิตย์
จึงเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นๆๆ
แต่แสงอาทิตย์กลับเขยิบออกห่างไปเรื่อยๆ
ทำให้ละอองน้ำต้องเขยิบตามไปอีก
"หยุดตามผมซักทีเถิดคุณละอองน้ำ"
แสงอาทิตย์กล่าว
"ทำไมล่ะคะ? ก็ฉันอยากรู้จักคุณนี่ เราจะมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้เลยหรือคะ"
ละอองน้ำตอบ
"เออ... แต่คุณไม่กลัวตัวเองละเหยหรือครับ"
"คุณก็อย่าแผดแสงแรงนักซีคะ"
ละอองน้ำเสนอแนะ
"ไม่ได้หรอกครับ ถ้าโลกนี้ไม่มีแสงจากผม สัตว์ทั้งหลายจะอยู่ได้อย่างไร
พืชพันธุ์ไม้จะเอาแสงที่ไหนไปสร้างอาหารล่ะครับ"
แสงอาทิตย์ท้วง
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแสงอาทิตย์"
ละอองน้ำปลอบ
"อีกฝั่งหนึ่งของโลกที่ฉันจากมา ไม่มีใครเคยพบคุณเลยนะคะ
แผ่นดินบางแห่งยังคงเย็นเฉียบอยู่เลย"
"งั้นผมจะแผดแสงให้แรงขึ้นอีกนะครับ"
แสงอาทิตย์พูด พร้อมกับจะเบ่งแสงออกอีก
"ไม่ได้นะคะ ไม่ได้"
ละอองน้ำย้ำ
"ถ้าคุณแผดแสงแรงกว่านี้อีกสักนิดเดียว พื้นดินบริเวณนี้คงแตกระแหง
และจะไม่มีใครอยู่ได้แล้วนะคะ"
"เห็นไหมล่ะ สุดท้าย คุณละอองน้ำก็เกลียดผมอยู่ดี"
แสงอาทิตย์พูดอย่างเศร้าสร้อย แล้วเลื่อนหายไปอีกซีกหนึ่งของโลก
"เย้ๆๆๆๆ คุณละอองน้ำเก่งจังเลย
รู้ไหม แสงอาทิตย์ทำให้พวกเราต้องร้อนแทบไหม้แล้วนะ
คุณไล่เขาไปได้ พวกเราดีใจมากๆๆๆ เลยล่ะ"
"ฮือๆๆๆๆ"
ละอองน้ำร้องไห้ออกมา
"ไม่นะ ฉันไม่ได้ไล่เขานะ ฉันแค่อยากให้เขาผ่อนแสงลงเท่านั้น
และไปเยี่ยมอีกซีกโลกนึง ซึ่งเป็นบ้านของฉันบ้าง
เพราะฝั่งนั้นน่ะ ต้องอยู่แต่กับความมืด ความหนาวเหน็บ
ทุกคนอยากเจอคุณแสงอาทิตย์กันทั้งนั้น
ฮือๆๆๆๆ"
ละอองน้ำ รอแสงอาทิตย์อยู่หลายวัน
เธอไม่ยอมกินอาหารเลย แถมยังร้องไห้ไม่หยุดอีกด้วย
ละอองน้ำอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ
"ฮือๆๆๆ แสงอาทิตย์คะ คุณไปอยู่ไหนนะ
สบายดีหรือเปล่า
ฉันอยากพบคุณเหลือเกิน
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไล่คุณนะคะ
ฮือๆๆๆ
สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ฉันวานอะไรพวกเธอหน่อยได้ไหมจ๊ะ
ถ้าคุณแสงอาทิตย์กลับมาเมื่อไหร่ ช่วยบอกเขาให้หน่อยนะจ๊ะว่าฉันขอโทษ
และฝากบอกลาเขาแทนฉันด้วย
ฉันคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้วจริงๆ
ขอบใจนะจ๊ะที่ดูแลฉันอย่างดี
ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง พวกเธอจะคลายอคติที่มีต่อแสงอาทิตย์
และรักเขา เหมือนที่พวกเธอรักฉัน"
ละอองน้ำกล่าวเพียงแค่นั้น
แล้วอีกไม่กี่วัน เธอก็ระเหยกลายไปเป็นไอจนหมดสิ้น
ณ อีกฝั่งหนึ่งของโลก
"เย้ๆๆๆๆ คุณแสงอาทิตย์ๆๆๆ
คุณมาเยี่ยมพวกเราแล้วใช่ไหม พวกเราอยากเจอคุณมากๆ เลย"
สิ่งมีชีวิตต่างพากันร้องชื่นชมยินดี
แสงอาทิตย์รู้สึกดีใจมาก ที่มีคนพูดชมเขาสักครั้ง
"จริงหรือครับ พวกคุณรู้ไหม เกิดมา ผมเพิ่งได้รับคำชมครั้งแรกก็วันนี้แหละครับ"
แล้วเขาก็แผดแสงจ้าออกมาอีก
สรรพสัตว์เหล่านั้นดีอกดีใจเป็นการใหญ่
ที่แสงอาทิตย์ช่วยขับไล่ความหนาวเหน็บออกไปจากที่อยู่ของพวกเขา
วันเวลาผ่านไป ต้นไม้เริ่มงอกเงย
ทุ่งหญ้าเขียวขจี อาหารอุดมสมบูรณ์
แสงอาทิตย์ภูมิใจมากที่ได้ทำให้โลกนี้พบความสุข
อีกฝั่งหนึ่งของโลก
ฝ่ายสัตว์นานาชนิด ต่างโศกเศร้าเสียใจ ที่ทำให้แสงอาทิตย์ต้องจากไป
และเป็นเหตุให้ละอองน้ำตรอมใจระเหยกลายเป็นธาตุอากาศ
พวกเขาคิดถึงแสงอาทิตย์มาก
พวกเขาได้สำนึกผิดแล้ว ว่าไม่ควรต่อว่าแสงอาทิตย์แรงๆ เฉกเช่นที่พวกเขาได้กระทำมา
แสงอาทิตย์เอง หลังจากเปลี่ยนบ้านใหม่ไปได้สักพัก
ก็เริ่มไม่มีความสุขอีก
เพราะเพื่อนบ้านใหม่ๆ ของเขา ต่างก็รู้สึกร้อนกับแสงแดดที่แผดออกมา
ไม่มีใครพูดอะไรกับเขาสักคน
แสงอาทิตย์คิดถึงเพื่อนเก่า ที่ถึงแม้จะว่ากล่าวตักเตือนเขาตลอด
แต่ก็ไม่เคยมีใครทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวจนรู้สึกว้าเหว่ได้เช่นนี้
เขาหวนคิดถึงละอองน้ำ ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของตนเอง
ทำให้เขาได้พบกับความสุข
และทำให้เขายิ้มได้
"คุณละอองน้ำ คุณยังโกรธผมอยู่ไหมนะที่ผมแสดงอาการไม่ดีออกมา
ที่ผมแผดแสงจัดจ้าใส่คุณ
เกือบทำให้คุณต้องระเหยอยู่แล้ว
คุณโกรธผมอยู่รึเปล่าครับ?"
แสงอาทิตย์รำพึงกับตัวเองเบาๆ
ขณะนั้นเอง...
"อ้าว แสงอาทิตย์"
สายลมทัก
"ครับ"
"คุณย้ายมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วละอองน้ำล่ะ"
"เอ่อ.. เธออยู่อีกฝั่งหนึ่งของโลกน่ะครับ"
แสงอาทิตย์ตอบ
"จริงหรือ? ทำไมเมื่อสักครู่ ฉันไปเยี่ยมละอองน้ำมา แต่กลับไม่พบเธอแม้แต่เงาเลยล่ะ?"
สายลมพูดด้วยความตกใจ
ว่าแล้ว แสงอาทิตย์ก็รีบบึ่งไปอีกฝั่งของท้องฟ้าทันที
"ทุกคนครับ ละอองน้ำหายไปไหน?"
แสงอาทิตย์ถามเพื่อนบ้านเก่าของเขา
"เอ่อ... คุณแสงอาทิตย์ พวกเราขอโทษนะ
พวกเราคิดถึงคุณมากเลย
ขอโทษที่พวกเราเคยทำไม่ดีกับคุณเสมอมา
ยกโทษให้พวกเรานะ
กลับมาอยู่กับพวกเรานะ"
สิงสาราสัตว์ พืชนานาพันธุ์กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
แสงอาทิตย์ตื้นตันใจมาก และยิ้มออกมา
เด็กน้อยคนหนึ่งพูดกับแสงอาทิตย์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจว่า
"คุณแสงอาทิตย์ครับ ผมขอโทษนะครับ
แต่ คุณละอองน้ำน่ะ เธอระเหยตัวเองไปแล้วล่ะครับ"
"อะไรนะ!!!!!!!!!!"
แสงอาทิตย์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
เขาถึงกับร้องไห้ออกมา
พร้อมกับค่อยๆ หรี่แสงลงจนโลกทั้งใบปกคลุมไปด้วยความเย็นอย่างรวดเร็ว
"คุณแสงอาทิตย์...
คุณร้องไห้ทำไมกันคะ?"
เสียงๆ หนึ่งถามขึ้นมา
ฝ่ายแสงอาทิตย์ ก็นึกสงสัย ว่าใครกันหนอที่พูดกับเขา
"นั่นใครน่ะ"
เขาถามด้วยเสียงที่แหบโหย
"ฉัน...ละอองน้ำไงคะ
คุณทำให้ฉันได้มีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณนะคะ"
แสงอาทิตย์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
เขาต้องการมั่นใจ ว่าคนที่พูดกับเขาคือละอองน้ำจริงๆ
จึงส่องแสงสว่างออกมามากขึ้นๆๆ
จนกระทั่งพบละอองน้ำน้อยๆ ตรงหน้าเขา
"คุณละอองน้ำ ในที่สุดผมก็พบคุณแล้ว"
แสงอาทิตย์ยิ้มออกมา
"ค่ะ"
ละอองน้ำยิ้มตอบแสงอาทิตย์อย่างอ่อนโยน
ตั้งแต่นั้นมา แสงอาทิตย์ก็รู้แล้ว ว่าเขาควรส่องแสงเท่าใด โลกนี้จึงจะไม่ร้อนเกิน และไม่เย็นเกิน
เขาท่องเที่ยวไปทั่วโลกพร้อมกับละอองน้ำ ด้วยอัตราเร็วที่สม่ำเสมอ
ทำให้สรรพสัตว์ได้รับแสงแดดเพียงพอต่อความต้องการ
พร้อมทั้งมีความชุ่มชื้น ชื่นบาน และมีความสุข
และแล้ว ก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น
แถบสีทั้งเจ็ด พาดผ่านบนท้องฟ้า
ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และ แดง
ละอองน้ำ และ แสงอาทิตย์ พร้อมใจกันเรียกเจ้าเส้นโค้งนี้ว่า
"สายรุ้ง"
ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กัน
และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ต่างฝ่ายต่างยอมรับ ว่าหากวันใดขาดกันและกันไป คงอยู่ไม่ได้เป็นแน่
ต่างก็สัญญา ว่าจะ รัก และ อยู่ด้วยกัน ตลอดไป
I love you as a rainbow.
คุณคือสายรุ้งในใจของผม

A "Sunlight" said to a "Rain Drop" one day.

Really?
จริงหรือคะ?

I'm glad to be your rainbow.
ฉันดีใจนะคะ ที่ได้เป็นสายรุ้งในใจคุณ

She replied.

And that's how a word -R-A-I-N-...-B-O-W- came... :Panshear

>>>The Time of the Last Drop Tear is the Time of the Leaving!<<<

เคยสงสัยบ้างไหม ทำไมบางคนต้องร้องไห้ยามจากลา
Have you ever wonder, why do people cry when they leave?


น้ำตา นอกจากจะเป็นสิ่งที่ร่างกายหลั่งออกมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสภาพดวงตาแล้ว ยังช่วยล้างความสกปรกออกไปได้ด้วย
Tears, in your eyes, make them moistured. Further more, They help cleaning dirty dust in your beautiful eyes.


การลาจากที่เปรียบเสมือนการละสิ่งสกปรก ไม่ทำให้คุณเสียน้ำตา
Leaving something as dirty doesn't make you cry.


แต่การลาจากบุคคลที่เรารัก -ชั่วครั้งคราว หรือ ตลอดกาล- ทำให้น้ำตาไหลได้แน่ ถ้าคุณไม่มีภูมิต้านทานที่ดีพอ
But leaving the Lover -for a whlie or forevery- could make you cry, if you don't have a good antigent of crying.


จงมันใจเสีย ว่าคุณกล้าหาญพอ กับการเผชิญโลกใบใหม่ที่สดใสยิ่งกว่า
Be sure that, if you leave it bravely, you'll see something better.


และคุณจะไม่เสียใจ
And you won't be sad.


ไม่ร้องไห้
Don't cry, either.






เวลาของน้ำตาหยดสุดท้าย คือ เวลาของการจากลา
The Time of the Last Drop Tear is the Time of the Leaving!







ป.ล. ชีวิตนี้ ฉันอาจไม่มีเวลานั้นก็ได้
P.S. I might not have THE time.


ทำไมนะ...ทำไม?
But why?


:Panshear